แม่พระแห่งฟาติมา |
(ฉลอง 13 พฤษภาคม) |
ชาวคาทอลิกศรัทธาต่อพระนางมารีย์ ผู้เป็นพระมารดาของพระเยซูคริสตเจ้า
และยกพฤษภาคมเป็นเดือนของพระนางที่จะภาวนาสายประคำ และรำพึงถึงพระนางเป็นพิเศษ
นอกจากนี้วันที่ 13 พฤษภาคม เป็นวันระลึกถึง "แม่พระแฟ่งฟาติมา" คาทอลิกส่วนมากทราบว่า พระนางมารีย์ได้ประจักษ์มาแก่เด็กเลี้ยงแกะ 3 คน ที่ตำบลฟาติมาประเทศโปรตุเกส
เมื่อวันอาทิตย์ 13 พฤษภาคม ค.ศ.1917/พ.ศ.2460 (73 ปีมาแล้ว) ขณะที่สงครามโลกครั้งแรกใกล้จะสิ้นสุดลง
เด็กทั้งสาม คือ ด.ญ.ลูซีอา ซันโทส อายุ 10 ขวบ และสองพี่น้องคือ ด.ช.ฟรังซิสโก มาร์โต อายุ 9 ขวบ และน้องสาวชื่อยาชินทา
มาร์โต อายุ 7 ขวบ ทั้งสองครอบครัวเป็นญาติกัน อาศัยอยู่ในหมู่บ้านอัลยุสเตรล
เป็นหมู่บ้านชาวนา-ชาวสวนรวมทั้งเลี้ยงสัตว์ ตามประวัติแม้จะมีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ในประเทศนั้นโดยพรรคคอมมิวนิสต์
แต่ครอบครัวของเด็กทั้งสาม พ่อแม่เป็นคนศรัทธาสอนคำสอนแก่ลูกให้สวดภาวนา สวดสายประคำมีความศรัทธาต่อพระเป็นเจ้า
แม่พระและนักบุญ เด็กทั้งสามจึงเป็นเด็กศรัทธาน่ารัก เป็นเด็กซื่อๆ
แม้จะมีปัญหาการเมืองและปัญหาสังคม
แต่พระเป็นเจ้าและพระนางมารีย์ต้องการช่วยเหลือให้มนุษย์มีความเชื่อมั่นคง และให้โลกมีสันติภาพ
ยุติสงครามเลิกรบราฆ่าฟัน จึงโปรดให้เทวทูตแห่งสันติภาพ ได้ประจักษ์มา 3 ครั้งในปี
ค.ศ.1916 แก่เด็กทั้งสาม สอนให้เด็กสวดและรับศีลมหาสนิทจากเทวดา และพระนางมารีย์
ได้ประจักษ์แก่เด็กทั้ง 3 ที่ตำบลอีเรียใน ค.ศ.1917/พ.ศ.2460 เริ่มครั้งแรกวันอาทิตย์ที่
13 พฤษภาคม ราวเที่ยงวันและได้ประจักษ์ทุกวันที่ 13 จนถึงเดือนตุลาคม
การประจักษ์ครั้งแรก 13 พฤษภาคม 1917 แม่พระขอให้เด็กมาที่เดิมทุกวันที่
13 ของเดือน 6 เดือนติดต่อกันจนถึงเดือนตุลาคม ขอให้สวดสายประคำ และทำพลีกรรม
สู้ทนความยากลำบาก เพื่อให้คนบาปกลับใจ
การประจักษ์ครั้งที่สอง 13 มิถุนายน 1917 (ฉลองนักบุญอันตน) วันฉลองใหญ่ของประเทศ มีคนตามไปประมาณ 40 คน แม่พระบอกลูซีอาว่าฟรังซิสโกและยาชินทาจะเสียชีวิตไปก่อน
และพระเป็นเจ้าต้องการให้โลกเลื่อมใสศรัทธาต่อดวงหทัยนิรมลของพระนาง
การประจักษ์ครั้งที่สาม 13 กรกฏาคม 1917 แม่พระได้ให้เด็กทั้งสามเห็นภาพนิมิตรของนรก สถานที่สำหรับคนบาป เพื่อช่วยพวกเขา
แม่พระบอกว่า มนุษย์ต้องศรัทธาต่อหทัยนิรมลของพระนางจึงจะเกิดสันติสุข ยุติสงคราม
"ขอให้ถวายโลก แต่หทัยนิรมลของพระนาง แก้บาปรับศีลทุกวันเสาร์ต้นเดือนติดต่อกัน
การถวายโลกแด่ดวงหทัยนิรมลของพระแม่จะทำให้ "รัสเซียจะกลับใจ"
การประจักษ์ครั้งที่สี่ 19 สิงหาคม 1917 สาระสำคัญครั้งนี้
แม่พระกล่าวว่า "สวดมากๆ ลูกพลีกรรมแทนคนบาป วิญญาณตกนรกเยอะ เพราะไม่มีใครสวดพลีกรรมอุทิศให้"
การประจักษ์ครั้งที่ห้า 13 กันยายน 1917 มีคนไปชุมนุมประมาณ
2,500 คน เห็นเหตุการณ์พิเศษมีฝนกลีบดอกไม้สีขาวลอยมาลงเกือบถึงพื้นดิน แล้วหายไปไม่มีร่องรอย
และแม่พระสัญญาว่าจะทำอัศจรรย์ในเดือนตุลาคม
การประจักษ์ครั้งที่หก 13 ตุลาคม 1917 มีประชาชนไปที่ตำบลอีเรียมากกว่า
50,000 คน สาระสำคัญที่แม่พระ กล่าวคือ "เราคือ แม่พระแห่งสายประคำ มาเพื่อเตือนให้ลูกมีความศรัทธา
ปรับปรุงการดำเนินชีวิตให้ถูกต้องแม่อยากให้มีวัดถวายแด่แม่ ณ สถานที่นี้...
จงสวดสายประคำทุกวัน สงครามใกล้ถึงเวลาสิ้นสุด อย่าทำอะไรที่แสลงพระทัยของพระอีกเลย
มีผู้ทำผิดต่อพระองค์มากอยู่แล้ว... มนุษย์ต้องเลิกทำบาป ขอโทษพระเสีย อย่าทำอะไรให้มากไปกว่านี้"
(เหตุการณ์พิเศษนี้ทุกคนที่ชุมนุมอยู่ที่นั่นเห็นคือ ดวงอาทิตย์เหมือนวงล้อมหึมาหมุนกลางอากาศ
มีแสงเป็นประกายแพร่ออกรอบทิศ เป็นสีรุ้ง)
หลังการประจักษ์
ค.ศ.1919 ได้มีวัดน้อยหลังแรก ณ สถานที่ที่แม่พระประจักษ์
13 พฤษภาคม 1928 เริ่มสร้างมหาวิหารถวายแด่แม่พระ (และสำเร็จในปี
ค.ศ.1951)
ค.ศ.1931 สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศโปรตุเกสถวายประเทศแด่แม่พระ
31 ตุลาคม 1942 สมโภช 25 ปี แห่งการประจักษ์ พระสันตะปาปาปีโอที่
12 ถวายโลกแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนาง
ค.ศ.1951 มีพิธีปิดปีศักดิ์สิทธิ์ที่ ฟาติมา
13 พฤษภาคม ค.ศ.1967 พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 เสด็จไปยังฟาติมา
วโรกาสสมโภช 50 ปีแห่งการประจักษ์
13 พฤษภาคม ค.ศ.1982 พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เสด็จไปเพื่อภาวนาขอบคุณแม่พระและพลีกรรมที่ฟาติมา
(หลังจากที่พระองค์ ถูกลอบปลงพระชนม์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1981 ที่หน้าลานมหาวิหารนักบุญเปโตร
กรุงโรม) ที่ช่วยปกป้องชีวิตของพระองค์ไว้ พระองค์ได้รื้อฟื้นการถวายพระศาสนจักร
และโลกแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีย์อีกครั้งหนึ่ง
ข้อคิดจากเหตุการณ์นี้
1. คริสตชนพึงสำนึกว่า พระจิตเจ้าประทับในพระศาสนจักร ในสมาชิกของพระศาสนจักรทุกคน
และบางคนที่ได้รับพรพิเศษ สมาชิกทั้งสองประเภทมีหน้าที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นองค์ประกอบของพระศาสนจักร
ที่ช่วยเสิรมสร้างพระศาสนจักรให้ครบครันยิ่งขึ้น
2. เมื่อศึกษาพระคัมภีร์ให้ลึกซึ้ง จะพบว่าพระเป็นเจ้าเผยแสดงความจริงแก่มนุษย์โดยอาศัยทั้ง
"เหตุการณ์และคำพูด" การเผยแสดงนี้เป็นความคิดริเริ่มของพระเป็นเจ้า
ในประวัติศาสตร์บ่งถึงความรักของพระองค์ต่อมนุษย์ และพระฤทธานุภาพของพระองค์
3. คริสตชนควรเข้าใจระหว่าง ความเชื่อและนิมิตให้ดีว่า ความเชื่อมาจากการฟังและน้อมรับน้ำพระทัยของพระเจ้าความเชื่อแท้ไม่ต้องการอัศจรรย์และนิมิต
เพราะเพียงแต่เชื่อมั่นในพระเยซูคริสตเจ้า อย่างไรก็ตาม หลังจากพระองค์ได้กลับคืนชีพแล้ว
พระองค์ทรงประจักษ์มาหาอัครสาวก และสตรีบางคน ที่เชื่อในพระองค์แล้วเท่านั้น
(กจ.7,54; 9,4-5)
4. เหตุการณ์ที่ฟาติมา ที่แม่พระขอให้คริสตชน ทำพลีกรรมใช้โทษบาป
สวดสายประคำ ศรัทธาต่อดวงหทัยนิรมลของพระนาง เป็นเครื่องหมายที่พระเป็นเจ้าแสดงความรัก
และความห่วงใยมนุษย์โดยอาศัยความรู้ฐานะแม่ของพระนางมารีย์
5. การประจักษ์ที่ฟาติมานี้เป็นเหตุการณ์หนึ่งแสดงว่าพระเป็นเจ้ายังตรัสกับมนุษย์ด้วยวิธีการต่างๆ
ไม่ว่าด้วยเครื่องหมายบนท้องฟ้า หรือบนแผ่นดิน แต่ภาพนิมิตที่เด็กทั้งสามเห็นเกี่ยวกับนรก
และการลงโทษจากพระเป็นเจ้า อาจสร้างความคิดให้ถือศาสนาเพราะความกลัว พระเยซูเจ้าเองได้เคยตรัสเกี่ยวกับการตัดสินใจของพระเป็นเจ้าในวันสิ้นพิภพ
และนรก (มธ.25:30-46) ทั้งนี้เพื่อสอนมนุษย์ให้กลับใจละทิ้ง การประพฤติชั่ว กลับเป็นคนดี
อย่างไรก็ดี สังเกตว่าการเทศน์สอนแรกๆ
พระองค์สอนเรื่องพระเป็นเจ้า เป็นองค์แห่งความรักเป็นบิดาผู้ใจดี ตั้งหน้าตั้งตาคอยลูกล้างผลาญ
ให้กลับมาหาพระองค์ (ลก.15) ส่วนการลงโทษนั้นเป็นการต่อเนื่องขั้นสุดท้ายของผู้ที่ปฏิเสธความรักของพระองค์
สรุป-ข้อเรียกร้อง 3 ประการ
พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกรับรองการประจักษ์ของพระนางมารีย์ที่ฟาติมา
และพยายามสอนให้คริสตชนสนองตอบเสียงเดือนของพระเป็นเจ้า โดยผ่านทางพระนางมารีย์ว่า
1. ให้ศรัทธาต่อพระเยซุคริสตเจ้า ซึ่งเป็นพระโอรสของพระนาง
และเราทุกคนก็เป็นลูกของพระนาง ดังที่พระองค์มอบเราแก่พระนาง โดยผ่านทางนักบุญยวงที่เชิงกางเขน
(ยน.19:25327)
2. พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนม์ และยังมีชีวิตอยู่ในพระศาสนจักร
เสนอวิงวอนเพื่อเรา โดยอาศัยพระจิตเจ้า เหตุการณ์ที่ฟาติมา เป็นเครื่องหมายยืนยันสิ่งนี้
3. สิ่งที่แม่พระประจักษ์ที่ฟาติมาของคริสตชนคือ พลีกรรมใช้โทษบาปภาวนา
และถวายตนแด่ดวงหทัยอันนิรมลของพระนาง เรียกร้องเราทุกคน 3 ประการคือ
- จงวางใจในพระเป็นเจ้า แม้สภาพสังคมปัจจุบันจะถึงเราให้ออกห่างจากพระองค์
จงวางใจในพระเจ้า ดีกว่าเชื่อในมนุษย์
- จงส่งเสริมความสำนึกว่าเราทุกคนเป็นพี่น้องกัน ต้องช่วยเหลือกันและกันมากกว่าที่จะดำเนินชีวิตแบบ
"ตัวใครตัวคุณ" แต่จงเป็น คนใจกว้างเพื่อผู้อื่น เสมอ
- จงสร้างความเป็นหนึ่งเดียว ในชีวิตคริสตชนด้วยการถวายตนแด่ดวงหทัยนิรมลของพระนางมารีอา
เมื่อเราได้รับศีลล้างบาปเราก็มีสิทธิ์เป็นสมาชิกในครอบครัวใหญ่เป็นลูกของพระ
มีหน้าที่ส่งเสริมความศักดิ์สิทธิ์ (หน้าที่พระสงฆ์) หน้าที่รับใช้ผู้อื่น (หน้าที่ปกครอง)
และหน้าที่ประกาศข่าวดี และความรักของพระเยซูเจ้า (หน้าที่ประกาศก) ด้วยอาศัยการถวายตัวแด่แม่พระ
เราก็สามารถไปพบกับพระเยซูเจ้าได้