S.Singsaneh

l Home l Articles l Music on Line l Web Board l Guest Book l Catholic Links l นักบุญทั้งหลาย l กุหลาบทิพย์ l Fordec l Contact Us l

การรู้จักพระวาจาของพระเจ้า คือ การรู้จักพระคริสตเจ้า.... ขอให้คริสตชนหยั่งรากลึกลงในความรัก และความรู้ด้านพระคัมภีร์ให้มากยิ่งขึ้น... ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา ขอให้พระคริสตเจ้าทรงสัมผัสหูของท่าน เพื่อท่านจะสามารถรับฟังพระวาจาของพระองค์ และทรงสัมผัสปากของท่าน เพื่อท่านจะสามารถประกาศความเชื่อเรื่องของพระองค์ และถวายพระสิริแด่พระเจ้าพระบิดา" .... สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2...

พระแม่เจ้าทรงประจักษ์ที่ โบแรง
ในสังฆมณฑลนาบูร์ ประเทศเบลเยี่ยม ค.ศ. 1932
วันเวลา การประจักษ์เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 1932 ถึงวันที่ 3 มกราคม 1933
สถานที่ เมืองโบแรง ในสังฆมณฑลนามูร์ ประเทศเบลเยี่ยม
ผู้เห็นการประจักษ์ เด็ก 3 คน ในครอบครัว วัวแซง ชื่อ แฟร์นังด์ (อายุ 15 ปี) อัลแบรต์ (11 ขวบ) ยีลแบรต์ (13 ปี) และเด็ก 2 คน ในครอบครัวเดอแกมเบรอ ชื่อ อังเดร (15 ปี) และยีลแบรต์ (9 ขวบ)
สารของแม่พระ "ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ" พระมารดาแห่งโบแรงได้รับสมญานามว่า "พระนางพรหมจารีหัวใจทอง"
สถานการณ์ของโลก ที่โบแรงก็เหมือนที่บังเนอ พระนางพรหมจารี ปรากฏมาอย่างพรหมจารีแห่งคนยากจน ขณะนั้นเป็นระยะเวลา หลังสงครามโลก ครั้งที่ 1 เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำมาก ความอยุติธรรมและความทุกข์ทรมานร้ายกาจแผ่ไปทั่วทุกหัวระแหง พวกเผด็จการมีความโน้มเอียงที่จะทำลายมนุษย์และพระศาสนจักร เพราะพวกเขาหลงใหลในลัทธิคอมมิวนิสต์ และนาซี ไม่มีครั้งไรที่ความดีทำท่าจะแพ้ความชั่วเท่าครั้งนี้ ช่วงนี้แหละที่พระมารดาได้ประจักษ์มาเตือนเด็ก ๆ ถึงสองครั้งสองคราให้สวดภาวนามาก ๆ

การประจักษ์

โบแรง เป็นเมืองเล็ก ๆ บนเนินป่าห่างจากยีเวต์ 5 กิโลเมตร บนถนนจากนามูร์ไปยังบุยยอง

ในปี 1932 ซึ่งห่างไม่ถึง 20 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 พระนางพรหมจารีได้ประจักษ์มาในระหว่าง วันที่ 29 พฤศจิกายน 1932 ถึง 3 มกราคม 1933

วันแรก คือวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน เด็ก 5 คน ได้เห็นพระนางพรหมจารีประจักษ์มาคือเด็กในครอบครัววัวแซง 3 คน ได้แก่ แฟรนังด์ อายุ 15 ปี อัลแบรต์ 11 ขวบ ยีลแบรต์ 13 ปี และเด็กในครอบครัวเดอแกมเบรอ อีก 2 คน คือ อังเดร 15 ปี และยิลแบรต์ 9 ขวบ ภาพนิมิตที่สุกใสนั้นเป็นสีขาวเดินมาบนสะพานข้ามทางรถไฟ ซึ่งจะไปยังบ้านเด็กประจำของนักบวชหญิงคณะหนึ่ง

ในวันที่ 3 "พระนางมารีอา ไม่ปรากฏตัวมาอย่างลอย ๆ อีกแล้ว คราวนี้ทรงปรากฏมาเกือบติดพื้นดินบริเวณพุ่มต้นโอเบปีน พระนางพูดกับเด็ก ๆ อย่างยิ้มแย้ม" หลาย ๆ ครั้งในระหว่างการประจักษ์ เด็ก ๆ คุกเข่าลงพลางร้องว่า "นั่นไง" ถุงเท้าขาด แต่หัวเข่า ไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดเลย

เพราะหนังสือพิมพ์ประโคมข่าว ผู้คนจึงมาจากทั่วทุกสารทิศ และในวันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม ฝูงชนก็เป็นพยานที่สำคัญให้แก่เด็ก ตลอดเวลา 10 นาที แห่งการประจักษ์มาครั้งนี้ นายแพทย์ได้ทดสอบเด็กหลายครั้ง เช่น จุดไม้ขีดเผาแต่เด็ก ๆ ไม่รู้สึกตัวเลย และไม่มีอะไรเหลือเป็นร่องรอยเลยว่าถูกไฟไหม้

พระนางพรหมจารีตอบคำถามของเด็กว่า พระนางคือ พระนางพรหมจารีผู้นิรมล พระนางปรารถนาให้มีโบสถ์หลังหนึ่ง สำหรับผู้มาจาริกแสวงบุญ พระนางขอให้สวดภาวนามาก ๆ

ตั้งแต่การประจักษ์วันที่ 29 ธันวาคม เป็นต้นไป พระนางมีหัวใจทองอยู่บนหน้าอก มีรังสีส่องสว่างยาวประมาณ 10 ซ.ม. พุ่งออกมารอบ ๆ หัวใจทองพระนางมารีย์แห่งโบแรงจึงได้สมญานามว่า "พระนางพรหมจารีหัวใจทอง"

วันอังคารที่ 3 มกราคม พระนางพรหมจารีปรากฏมาต่อหน้าฝูงชนประมาณ 30,000 คน เป็นการประจักษ์ครั้งสุดท้ายเพื่ออำลาเด็ก และฝากความลับไว้แก่ยิลแบร์ต เดอแกมเบรอ อัลแบรต์ วัวแซง และยิลแบร์ต วัวแซง ความลับ ซึ่งแม้ขณะนี้ ก็ยังมิได้มีการเปิดเผย

แล้วพระนางตรัสกับยิลแบร์ต วัวแซงว่า "ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ ลาก่อนนะ!" และตรัสกับอังเดร เดอแกมเบรอว่า "ฉันคือ มารดาพระเจ้า ราชินีแห่งสวรรค์ จงสวดภาวนาเสมอ ๆ ลาก่อนนะ!"

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1943 คณะกรรมการสอบสวน แห่งสังฆมณฑลนามูร์ ซึ่งมีพระคุณเจ้า ชารือ เป็นประธาน ได้รับรองว่าการประจักษ์เป็นเรื่องจริง และอนุญาตให้ถวายคารวกิจแด่พระแม่เจ้าแห่งโบแรงได้

จากนั้น สารของพระแม่เจ้าแห่งโบแรง ก็แพร่กระจายทั่วไป มิใช่แต่ในเบลเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังแผ่ไปที่ฮอลันดาและนอกทวีปยุโรปด้วย

การประจักษ์นี้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับการประจักษ์ที่ฟาติมาและที่ลูร์ด

บันทึกด้วยมือของ เจ. ลามอตต์

ประธานกิตติมศักดิ์ ศาลสถิตยุติธรรมแห่งเมืองดีนังต์ วันที่ 4 มกราคม 1933 สิ่งที่ผมได้เห็นและได้ยินที่โบแรงในเย็นวันอังคารที่ 3 มกราคม 1933 วันนั้น ผมไปที่โบแรงเป็นครั้งแรก หลังจากเด็กทั้ง 5 คน ได้รับการประจักษ์อย่างน้อยก็ 30 ครั้งแล้ว ผมไปพร้อมกับ นายชอฟเฟิน ผู้สังเกตการณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน นายเอมีล โลรังต์ รองประธานศาลสถิตยุติธรรม และนางโลรังต์ พร้อมกับบุตรชายชื่อ ปิแอร์

เรามาถึงที่นั่นเวลา 5 โมงเย็น ท่ามกลางแถวยาวของรถบัส รถส่วนตัวและฝูงชน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกะประมาณว่ามีจำนวนถึง 20,000 คน บริเวณริมทางรถไฟเต็มไปด้วยผู้คนที่สนใจมาดูการประจักษ์

แม้สารวัตรตำรวจจะประกาศขอทางให้พวกเราสักเท่าใดก็ตาม พวกเราก็ถูกกลืนหายเข้าไปในกลุ่มฝูงชนแล้ว เราก็ถูกเบียดไปจนกระทั่งเกือบถึงทางเข้าสวน แต่ต่อมา

เมอสิเอร์ เชราด์ นายอำเภอแห่งดีนังต์ ได้ช่วยขอทางให้เราจนเข้าไปถึงรั้วที่กั้นเพื่อแยกเด็กทั้ง 5 จากกลุ่มชน เด็กท้ง 5 เพิ่งมาถึงหน้าประตูทางเข้า เวลานั้นประมาณ 1 ทุ่มแล้ว

แม้ว่าจะพลบค่ำแล้วก็ตาม ผมก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนเพราะห่างกันเพียง 1 เมตร ผมเพ่งความสนใจไปยังเด็ก 2 คนที่อยู่ใกล้ที่สุด คือ ยิลแบรต์ เดอแกมเบรอ (14 ปี)

เด็กทั้ง 5 เริ่มต้นยืนก่อสวดลูกประคำ ประชาชนก็สวดตามพร้อมกัน อังเดร ภาวนาด้วยความตั้งใจและศรัทธาเยี่ยงเทวดา ไม่ได้แสดงอาการวอกแวกแต่สักนิด ผมยังไม่เคยเห็นใครสวดภาวนาดีเยี่ยงนี้เลย แต่แม่หนูยิลแบร์ต ยังวอกแวกบ้าง ผมมอง ๆ ดูรู้สึกว่า เด็กทั้งสองมิได้มองเพ่งสายตาไปทางเดียวกัน

สวดไปได้ประมาณ 20 เม็ด เสียงสวดของเด็ก เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สวดเร็วขึ้นนิด และสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาวาววับ คำภาวนามีลักษณะเป็นการอ้อนวอนมากขึ้น คราวนี้เด็กทั้งสองเพ่งสายตาไปยังพุ่มไม้ด้านซ้ายของทางเข้า

เวลาเดียวกัน เด็ก ๆ ทั้ง 5 คุกเข่าลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดกันเลย การประจักษ์เริ่มแล้ว อังเดรอยู่ในลักษณะของการพิศเพ่งภาวนา สงบ เอิบอิ่มไปด้วยความงามและความรักต่อพระนางมารีย์ น้ำตาคลอหน่วยทั้งสองข้าง ทั้งสองสวดวันทามารีอากันเอง โดยไม่มีการตอบรับของฝูงชน สวดไปได้สัก 20-30 เม็ด ก็หยุดทันทีพร้อมกันตรงคำที่ว่า วันทามารีอา แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดทั่วไปหมด เด็กสาวร้องไห้อย่างขมขื่น ส่วนน้องสาวของเธอน้ำตาไหลพราก

หลังจากนั้นไม่นาน เด็กทั้ง 5 ก็ลุกขึ้น และเริ่มสวดสายประคำตามปรกติ ภคินีหลายคน ตามติดด้วยนายแพทย์ และบิดามารดาก็เข้าประตูสวนมา นายอำเภอเชราร์ด ได้นำนายซอฟเฟิน และผมไปยังห้องรับรองที่กว้างใหญ่ของอาราม ซึ่งบรรดานายแพทย์และนักหนังสือพิมพ์นั่งบ้างยืนบ้างอยู่ในนั้น นายเซราร์ด บอกให้ข้าพเจ้าสอบถามพวกเด็กพร้อมกับผู้สังเกตุการณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน

เขานำเด็กเข้ามาทีละคน ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาออกันอยู่ตามหน้าประตูและตามระเบียงห้อง

ต่อไปนี้เป็นคำสอบถาม

1. ด.ช.อัลแบรต์ วัวแซง อายุ 11 ขวบ ท่าทางปราดเปรียว และเป็นกันเอง

ถาม วันนี้หนูเห็นอะไรหรือเปล่า?
ตอบ เห็นครับ ผมเห็น เธอก็เหมือนทุกครั้งนั้นแหละครับ แต่งตัวเหมือนกัน และอยู่ตรง
  พุ่มไม้นั้น
ถาม เธอได้บอกอะไรหนูหรือเปล่า?
ตอบ (ทำท่าล้อเลียนนิด ๆ) บอกครับ แต่ผมไม่บอกคุณถึงเรื่องที่เธอบอกผมแน่ ๆ
ถาม ทำไมล่ะ?
ตอบ ไม่ครับ ผมไม่บอก
ถาม เธอห้ามมิให้บอกใครหรือ? เป็นความลับใช่ไหม?
ตอบ ครับ
ถาม ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องบอก แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวหนูคนเดียวหรือเกี่ยวกับทุกคน?
ตอบ (เด็กชายรู้ทัน) ถ้าผมบอกคุณ คุณก็รู้
  มีใครคนหนึ่งถามว่า อย่างนั้นหนูบอกหน่อยได้ไหมว่า เป็นเรื่องเศร้าหรือเรื่องน่ายินดี?
  เศร้ามากกว่าครับ

2. ด.ญ. ยิลแบรต์ เดอแกมเบรอ อายุ 9 ขวบ

ถาม หนูเห็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?
ตอบ เห็นค่ะ เธอมีหัวใจทองเช่นที่เคย ตอนที่เธอเสด็จมา เธอประสานมือกัน
ถาม เธอพูดอะไรหรือเปล่า?
ตอบ เธอพูดว่า ลาก่อน
ถาม หนูได้ยินที่เธอพูดกับคนอื่นไหม?
ตอบ หนูไม่รู้หรอกค่ะ ว่าเธอพูดกับคนอื่นหรือเปล่า
ถาม หนูดีใจไหม?
ตอบ ไม่ค่ะ เพราะเธอบอกลาหนู เธอพูด ลาก่อน หนเดียว
ถาม หนูได้ยินชัดไหม?
ตอบ ชัดซีคะ หนูได้ยินกับหูเลย
ถาม เธอพูดภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาฝรั่งเศสที่พูดกันในประเทศนี้?
ตอบ พูดภาษาฝรั่งเศสเหมือนคุณค่ะ
ถาม เธอไม่ได้บอกความลับอะไรหรือ?
ตอบ ใช่ค่ะ หนูเห็น เธออยู่ที่เดียวกันที่เธอเคยมาทุกครั้ง เธอมีแสงมากกว่าทุกครั้ง และยิ้มมากกว่าด้วย หนูเห็นดวงใจสีทองดวงหนึ่งตอนที่เธอกางมือออก เธอมีลูกประคำเหมือนทุกครั้ง
ถาม เธอพูดกับหนูไหม?
ตอบ เธอบอกว่า "ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ" เธอพูดตอนที่เรากำลังคุกเข่าลง และพอเธอจะไป เธอก็บอกว่า
  "ลาก่อน" หนูก็เลยร้องไห้ (มีคนถาม) หนูได้ยินเธอพูดกับหนูนะคะ เธอพูดแค่ 2 ประโยคนี้เท่านั้น

4. อังเดร เดอแกมเบรอ อายุ 14-15 ปี (คนที่ผมเฝ้าสังเกตขณะมีการประจักษ์)

 

ถาม หนูเห็นใช่ไหม?
ตอบ ค่ะ คราวนี้เธอมีแสงสว่างสุกใสมาก
ถาม เธอพูดหรือเปล่า?
ตอบ พูดค่ะ เธอบอกว่า ฉันเป็นมารดาพระเป็นเจ้าและราชินีสวรรค์-หรือ-ราชินีแห่งสวรรค์ และมารดาพระเจ้า
ถาม เธอไม่ได้บอกอย่างอื่นอีกหรือ?
ตอบ ค่ะ เธอบอกให้สวดภาวนาเสมอ ๆ
ถาม ทำไมตอนท้ายการประจักษ์ หนูถึงร้องไห้ล่ะ? (ถึงตอนนี้ เด็กสาวยกมือปิดหน้าและสะอื้นไห้)
ตอบ เพราะเธอบอกหนูว่า ลาก่อน แล้วเธอก็ค่อย ๆ หายไป
ถาม ตอนที่เธอพูดนั้น ทำไมหนูไม่หยุดสวดออกเสียง ทำไมหนูไม่หยุดฟังเธอพูดล่ะ?
ตอบ หนูไม่รู้หรอกค่ะ ว่าหนูหยุดสวดหรือเปล่า (มีคนถาม) หนูไม่รู้ค่ะว่าเธอพูดกับคนอื่นหรือเปล่า
ถาม เธอได้ห้ามพูดเรื่องใดบ้างไหม?
ตอบ ไม่นี่ค่ะ เธอไม่ได้ห้าม ก็หนูบอกคุณแล้ว (มีผู้ถาม) หนูยังไม่รู้เลยค่ะว่าวันต่อ ๆ ไปนั้น
  หนูจะกลับมาสวดที่นี่อีกไหม?

5. แฟรนังด์ วัวแซง อายุ 15 ปี เศร้าน้อยกว่าคนอื่น ๆ ทั้งหมด

ถาม หนูเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า?
ตอบ ตอนแรกหนูไม่เห็นอะไรพร้อมกับคนอื่นเขา แต่ตอนหลังพวกเขาย้ายเข้ามาในสวนของซิสเตอร์หนูยัง
  คงอยูที่เดิม แล้วหนูก็สวดต่อไปคนเดียว
ถาม แล้วไงต่อไปล่ะ?
ตอบ แล้วหนูก็เห็น ตรงที่ที่เธอเคยมาทุก ๆ ครั้ง เป็นเหมือนก้อนไฟ แล้วก็ระเบิดออกมา และในแสงสว่างนั้น
  เธอก็ปรากฏมาเหมือนแบบที่เคย มีหัวใจทองด้วย
ถาม เธอพูดอะไรกับหนูหรือเปล่า?
ตอบ พูดค่ะ เธอถามหนูว่า รักฉันไหม? หนูก็ตอบว่า รักค่ะ เธอก็พูดต่อไปว่า รักพระบุตรของฉันไหม?
  หนูก็ตอบอีกว่า รักค่ะ เธอเสริมว่า ทำพลีกรรมนะ
ถาม เธออยากจะบอกอะไรกับหนูล่ะ ถึงพูดอย่างนั้น? หนูเข้าใจสิ่งที่เธอขอหรือเปล่า? (เด็กสาวยิ้ม ลังเล แล้ว
  ก็นิ่งไม่ตอบอะไร และไม่อธิบายอะไรอีก) ผู้ฟังคนหนึ่ง (นายแพทย์) ถามขึ้นว่า ถ้าเขาจับหนูเข้าคุกล่ะ
  หนูจะพูดอย่างที่หนูพูดเมื่อครู่นี้ไหม? แล้วยังมีผู้อื่นถามเช่นเดียวกันนี้อีก 2-3 คน ผู้สังเกตการณ์ของพระเจ้าแผ่นดินเชิญให้ผมพูด ผมจึงว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่จำเลย เราถาม แกตอบ ไม่ควรจะจัดการกับแกอย่างที่เราคิดไว้
ถาม หญิงนั้นไม่ได้พูดอะไรอีกหรือ?
ตอบ พูดค่ะ ขณะที่เธอจะจากไปเธอบอกว่า ลาก่อน

คำรับรองการประจักษ์ของพระสังฆราชแห่ง นามูร์

ถึง บรรดาพระสงฆ์ในสังฆมณฑล (ปี 1949)

พี่น้องที่เคารพ

ประกาศคำสั่งที่ท่านกำลังจะอ่านอยู่นี้ นับเป็นวันประวัติแห่งการแสดงคารวกิจเกี่ยวกับพระมารดาแห่งโบแรง

ดังที่พวกท่านได้ทราบกันอยู่แล้ว เมื่อเราได้รับรองการแสดงคารวกิจนี้อย่างเป็นทางการ คำประกาศของเรายังสงวนข้อกำหนดชัดเจนอยู่ เรายังถือว่า (ในปี 1943) ในขณะนั้นเรายังรับรองอย่างชัดเจนไม่ได้ว่า "การประจักษ์นั้นเป็นเรื่องจริงเหนือธรรมชาติ" แต่ต่อนั้นมา เหตุน่าสงสัยก็ค่อย ๆ ลดลงไปทุกที จนมาถึงวันนี้ เฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า เรากล้ากล่าวว่าขณะนี้เรามีเครื่องหมายที่ประกาศได้อย่างมั่นใจ ทางคณะกรรมการด้านพระธรรมคำสอนของสังฆมณฑลได้อนุญาตให้ประกาศได้แล้วว่า มีการหายโรคอย่างอัศจรรย์ 2 ราย ซึ่งได้รับเพราะการวิงวอนขอต่อพระแม่แห่งโบแรง พวกท่านคงระลึกได้ถึงเรื่องอื่น ๆ ของพระมารดาแห่งโบแรง ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ว่า ยังมีผู้รับพระคุณทั้งทางฝ่ายกาย และวิญญาณอีกมากด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มต้นได้รับพระคุณจากพระแม่เจ้า โดยอาศัยคำภาวนาอย่างศรัทธาร้อนรนต่อพระแม่ ก็เรื่องการหายโรคอย่างอัศจรรย์ครั้งหลังสุดนี้แหละ ที่ทำให้เรามั่นใจว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติจริง

ให้เราถวายพระพรแด่พระเป็นเจ้าและพระแม่มารีอา เราสามารถยืนยันได้อย่างรอบคอบว่า พระราชินีแห่งสวรรค์ได้ปรากฏมาให้เด็ก 5 คน แห่งโบแรงเห็นจริงในระหว่างปี 1932-1933 และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นสำหรับเราคือการปรากฏครั้งนี้ของพระนาง พระนางได้แสดงให้เราเห็นดวงพระทัยเยี่ยงมารดาที่วิตกกังวลต่อเรา ได้เรียกร้องเราให้สวดภาวนามาก ๆ และยังแสดงตัวเป็นผู้เสนอทรงฤทธิ์เพื่อให้คนบาปกลับใจ

ให้เราพิศวงถึงวิธีการแห่งพระญาณสอดส่องที่ได้ดำเนินมาเป็นเวลาถึง 7 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของการสืบสวนนี้ เราได้ลงชื่อในเอกสาร เพื่อแสดงความศรัทธาร้อนรนในหัวใจของเรา ด้วยความเชื่อมั่นว่า บรรดาสงฆ์ในสังฆมณฑลของเรา จะร่วมสมนาคุณพระเป็นเจ้าพร้อมกับเรา ในนามของสัตบุรุษทั้งหมดของเรา เราขอย้ำถึงความวางใจที่ทวีมากขึ้นของเราต่อพระมารดา โปรดเป็นพระราชินีของเหล่าลูก ลูกเป็นของพระนาง

พี่น้องที่เคารพรักในพระคริสต์เยซูและพระแม่มาีย์
วันที่ 2 กรกฎาคม 1949

อังเดร-มารี ชารู
สังฆราชแห่ง นามูร์

คำตรัสของพระแม่มารีย์

การประจักษ์ของพระแม่มารีย์ (29 พฤศจิกายน 1932-3 มกราคม 1933)
พระนางได้ตรัสหลายอย่างที่สำคัญ เช่น

  • ฉันคือพระนางพรหมจารีผู้นิรมล (21 ธันวาคม)
  • ให้เขามาจาริกแสวงบุญที่นี่ (23 ธันวาคม)
  • สวด สวดมาก ๆ (30 ธันวาคม)
  • สวดเสมอ ๆ (1 มกราคม)
  • ฉันคือมารดาพระเจ้า ราชินีแห่งสวรรค์ สวดเสมอ ๆ ลาก่อน (3 มกราคม)
  • ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ (3 มกราคม)
  • รักพระบุตรของฉันไหม? รักฉันไหม...? จงทำพลีกรรมถวายแด่ฉัน ลาก่อน (3 มกราคม)
  • นอกจากนี้พระนางพรหมจารียังแสดงดวงหทัยนิรมลของพระนางในการประจักษ์ครั้งหลัง ๆ ด้วย คือตั้งแต่ วันที่ 29 ธันวาคม
คำภาวนาวอนขอพระแม่เจ้าแห่งโบแรง

ข้าแต่พระมารดาแห่งโบแรงพรหมจารีนิรมล พระนางมีชัยชนะเสมอในการชิงชัยเพื่อพระเป็นเจ้า ขอโปรดให้บรรดาคนบาปกลับใจตามที่พระนางได้ทรงสัญญาไว้เถิด

เดชะดวงหทัยนิรมลของพระนาง ขอโปรดวิงวอนพระเป็นเจ้า โปรดพระหรรษทานให้ดวงวิญญาณที่กำลังจะพินาศไป ได้กลับมาสู่ความรักของพระองค์เสียใหม่

ข้าแต่พระมารดาหัวใจทอง โปรดทอดพระเนตรมายังความทุกข์ยากของพวกลูก และโปรดประทานการปลอบประโลมในความเจ็บทรมาน พระนางคือสุขภาพของผู้พิการ และองค์บรรเทาของผู้ทุกข์ยาก

ข้าแต่พระราชินีแห่งสวรรค์ ความเชื่อ ความรัก และความไว้ใจของเรา ประกาศยืนยันว่าพระแม่คือ ราชินีผู้ครองดวงใจของเรา และเจ้านายเหนือโลกทั้งมวล

พวกลูกจะทำงานเพื่อขยายพระราชัยของพระนาง โดยพยายามทำพลีกรรมและถอดแบบฤทธิ์กุศลของพระแม่ ลูกจะสวดภาวนาอย่างร้อนรนขึ้น และพยายามแพร่ธรรมไปยังผู้อื่นที่แวดล้อมลูก

ข้าแต่พระราชินีแห่งสากลโลก ขอให้พระราชัยของพระนางจงมาถึง เพื่อก่อตั้งพระราชัยของพระเยซู พระบุตรของพระนางและพระเจ้าของเราด้วยเถิด อาแมน


 
l Home l Articles l Music on Line l Web Board l Guest Book l Catholic Links l นักบุญทั้งหลาย l กุหลาบทิพย์ l Fordec l Contact Us l
@2005 S.S. Graphic Design
Free Web Hosting