วันเวลา |
การประจักษ์เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 1932 ถึงวันที่
3 มกราคม 1933 |
สถานที่ |
เมืองโบแรง ในสังฆมณฑลนามูร์ ประเทศเบลเยี่ยม |
ผู้เห็นการประจักษ์ |
เด็ก 3 คน ในครอบครัว วัวแซง ชื่อ แฟร์นังด์ (อายุ 15 ปี) อัลแบรต์ (11
ขวบ) ยีลแบรต์ (13 ปี) และเด็ก 2 คน ในครอบครัวเดอแกมเบรอ ชื่อ อังเดร (15
ปี) และยีลแบรต์ (9 ขวบ) |
สารของแม่พระ |
"ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ" พระมารดาแห่งโบแรงได้รับสมญานามว่า
"พระนางพรหมจารีหัวใจทอง" |
สถานการณ์ของโลก |
ที่โบแรงก็เหมือนที่บังเนอ พระนางพรหมจารี ปรากฏมาอย่างพรหมจารีแห่งคนยากจน
ขณะนั้นเป็นระยะเวลา หลังสงครามโลก ครั้งที่ 1 เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำมาก
ความอยุติธรรมและความทุกข์ทรมานร้ายกาจแผ่ไปทั่วทุกหัวระแหง พวกเผด็จการมีความโน้มเอียงที่จะทำลายมนุษย์และพระศาสนจักร
เพราะพวกเขาหลงใหลในลัทธิคอมมิวนิสต์ และนาซี ไม่มีครั้งไรที่ความดีทำท่าจะแพ้ความชั่วเท่าครั้งนี้
ช่วงนี้แหละที่พระมารดาได้ประจักษ์มาเตือนเด็ก ๆ ถึงสองครั้งสองคราให้สวดภาวนามาก
ๆ |
การประจักษ์
โบแรง เป็นเมืองเล็ก
ๆ บนเนินป่าห่างจากยีเวต์ 5 กิโลเมตร บนถนนจากนามูร์ไปยังบุยยอง
ในปี 1932 ซึ่งห่างไม่ถึง 20 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 พระนางพรหมจารีได้ประจักษ์มาในระหว่าง
วันที่ 29 พฤศจิกายน 1932 ถึง 3 มกราคม 1933
วันแรก คือวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน เด็ก
5 คน ได้เห็นพระนางพรหมจารีประจักษ์มาคือเด็กในครอบครัววัวแซง 3 คน ได้แก่ แฟรนังด์
อายุ 15 ปี อัลแบรต์ 11 ขวบ ยีลแบรต์ 13 ปี และเด็กในครอบครัวเดอแกมเบรอ อีก
2 คน คือ อังเดร 15 ปี และยิลแบรต์ 9 ขวบ ภาพนิมิตที่สุกใสนั้นเป็นสีขาวเดินมาบนสะพานข้ามทางรถไฟ
ซึ่งจะไปยังบ้านเด็กประจำของนักบวชหญิงคณะหนึ่ง
ในวันที่ 3 "พระนางมารีอา ไม่ปรากฏตัวมาอย่างลอย ๆ อีกแล้ว
คราวนี้ทรงปรากฏมาเกือบติดพื้นดินบริเวณพุ่มต้นโอเบปีน พระนางพูดกับเด็ก ๆ อย่างยิ้มแย้ม"
หลาย ๆ ครั้งในระหว่างการประจักษ์ เด็ก ๆ คุกเข่าลงพลางร้องว่า "นั่นไง"
ถุงเท้าขาด แต่หัวเข่า ไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดเลย
เพราะหนังสือพิมพ์ประโคมข่าว ผู้คนจึงมาจากทั่วทุกสารทิศ และในวันพฤหัสที่
8 ธันวาคม ฝูงชนก็เป็นพยานที่สำคัญให้แก่เด็ก ตลอดเวลา 10 นาที แห่งการประจักษ์มาครั้งนี้
นายแพทย์ได้ทดสอบเด็กหลายครั้ง เช่น จุดไม้ขีดเผาแต่เด็ก ๆ ไม่รู้สึกตัวเลย และไม่มีอะไรเหลือเป็นร่องรอยเลยว่าถูกไฟไหม้
พระนางพรหมจารีตอบคำถามของเด็กว่า พระนางคือ พระนางพรหมจารีผู้นิรมล
พระนางปรารถนาให้มีโบสถ์หลังหนึ่ง สำหรับผู้มาจาริกแสวงบุญ พระนางขอให้สวดภาวนามาก
ๆ
ตั้งแต่การประจักษ์วันที่ 29 ธันวาคม เป็นต้นไป พระนางมีหัวใจทองอยู่บนหน้าอก
มีรังสีส่องสว่างยาวประมาณ 10 ซ.ม. พุ่งออกมารอบ ๆ หัวใจทองพระนางมารีย์แห่งโบแรงจึงได้สมญานามว่า "พระนางพรหมจารีหัวใจทอง"
วันอังคารที่
3 มกราคม พระนางพรหมจารีปรากฏมาต่อหน้าฝูงชนประมาณ 30,000 คน เป็นการประจักษ์ครั้งสุดท้ายเพื่ออำลาเด็ก
และฝากความลับไว้แก่ยิลแบร์ต เดอแกมเบรอ อัลแบรต์ วัวแซง และยิลแบร์ต วัวแซง
ความลับ ซึ่งแม้ขณะนี้ ก็ยังมิได้มีการเปิดเผย
แล้วพระนางตรัสกับยิลแบร์ต วัวแซงว่า "ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ
ลาก่อนนะ!" และตรัสกับอังเดร เดอแกมเบรอว่า "ฉันคือ มารดาพระเจ้า ราชินีแห่งสวรรค์
จงสวดภาวนาเสมอ ๆ ลาก่อนนะ!"
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1943 คณะกรรมการสอบสวน
แห่งสังฆมณฑลนามูร์ ซึ่งมีพระคุณเจ้า ชารือ เป็นประธาน ได้รับรองว่าการประจักษ์เป็นเรื่องจริง
และอนุญาตให้ถวายคารวกิจแด่พระแม่เจ้าแห่งโบแรงได้
จากนั้น สารของพระแม่เจ้าแห่งโบแรง ก็แพร่กระจายทั่วไป มิใช่แต่ในเบลเยี่ยมเท่านั้น
แต่ยังแผ่ไปที่ฮอลันดาและนอกทวีปยุโรปด้วย
การประจักษ์นี้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับการประจักษ์ที่ฟาติมาและที่ลูร์ด
บันทึกด้วยมือของ เจ. ลามอตต์
ประธานกิตติมศักดิ์ ศาลสถิตยุติธรรมแห่งเมืองดีนังต์ วันที่
4 มกราคม 1933 สิ่งที่ผมได้เห็นและได้ยินที่โบแรงในเย็นวันอังคารที่ 3 มกราคม
1933 วันนั้น ผมไปที่โบแรงเป็นครั้งแรก หลังจากเด็กทั้ง 5 คน ได้รับการประจักษ์อย่างน้อยก็
30 ครั้งแล้ว ผมไปพร้อมกับ นายชอฟเฟิน ผู้สังเกตการณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน นายเอมีล
โลรังต์ รองประธานศาลสถิตยุติธรรม และนางโลรังต์ พร้อมกับบุตรชายชื่อ ปิแอร์
เรามาถึงที่นั่นเวลา 5 โมงเย็น ท่ามกลางแถวยาวของรถบัส รถส่วนตัวและฝูงชน
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกะประมาณว่ามีจำนวนถึง 20,000 คน บริเวณริมทางรถไฟเต็มไปด้วยผู้คนที่สนใจมาดูการประจักษ์
แม้สารวัตรตำรวจจะประกาศขอทางให้พวกเราสักเท่าใดก็ตาม พวกเราก็ถูกกลืนหายเข้าไปในกลุ่มฝูงชนแล้ว
เราก็ถูกเบียดไปจนกระทั่งเกือบถึงทางเข้าสวน แต่ต่อมา
เมอสิเอร์ เชราด์ นายอำเภอแห่งดีนังต์ ได้ช่วยขอทางให้เราจนเข้าไปถึงรั้วที่กั้นเพื่อแยกเด็กทั้ง
5 จากกลุ่มชน เด็กท้ง 5 เพิ่งมาถึงหน้าประตูทางเข้า เวลานั้นประมาณ 1 ทุ่มแล้ว
แม้ว่าจะพลบค่ำแล้วก็ตาม ผมก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนเพราะห่างกันเพียง
1 เมตร ผมเพ่งความสนใจไปยังเด็ก 2 คนที่อยู่ใกล้ที่สุด คือ ยิลแบรต์ เดอแกมเบรอ
(14 ปี)
เด็กทั้ง 5 เริ่มต้นยืนก่อสวดลูกประคำ ประชาชนก็สวดตามพร้อมกัน
อังเดร ภาวนาด้วยความตั้งใจและศรัทธาเยี่ยงเทวดา ไม่ได้แสดงอาการวอกแวกแต่สักนิด
ผมยังไม่เคยเห็นใครสวดภาวนาดีเยี่ยงนี้เลย แต่แม่หนูยิลแบร์ต ยังวอกแวกบ้าง ผมมอง
ๆ ดูรู้สึกว่า เด็กทั้งสองมิได้มองเพ่งสายตาไปทางเดียวกัน
สวดไปได้ประมาณ 20 เม็ด เสียงสวดของเด็ก เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
สวดเร็วขึ้นนิด และสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาวาววับ คำภาวนามีลักษณะเป็นการอ้อนวอนมากขึ้น
คราวนี้เด็กทั้งสองเพ่งสายตาไปยังพุ่มไม้ด้านซ้ายของทางเข้า
เวลาเดียวกัน เด็ก ๆ ทั้ง 5 คุกเข่าลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดกันเลย การประจักษ์เริ่มแล้ว อังเดรอยู่ในลักษณะของการพิศเพ่งภาวนา
สงบ เอิบอิ่มไปด้วยความงามและความรักต่อพระนางมารีย์ น้ำตาคลอหน่วยทั้งสองข้าง
ทั้งสองสวดวันทามารีอากันเอง โดยไม่มีการตอบรับของฝูงชน สวดไปได้สัก 20-30 เม็ด
ก็หยุดทันทีพร้อมกันตรงคำที่ว่า วันทามารีอา แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดทั่วไปหมด
เด็กสาวร้องไห้อย่างขมขื่น ส่วนน้องสาวของเธอน้ำตาไหลพราก
หลังจากนั้นไม่นาน เด็กทั้ง 5 ก็ลุกขึ้น และเริ่มสวดสายประคำตามปรกติ
ภคินีหลายคน ตามติดด้วยนายแพทย์ และบิดามารดาก็เข้าประตูสวนมา นายอำเภอเชราร์ด
ได้นำนายซอฟเฟิน และผมไปยังห้องรับรองที่กว้างใหญ่ของอาราม ซึ่งบรรดานายแพทย์และนักหนังสือพิมพ์นั่งบ้างยืนบ้างอยู่ในนั้น
นายเซราร์ด บอกให้ข้าพเจ้าสอบถามพวกเด็กพร้อมกับผู้สังเกตุการณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน
เขานำเด็กเข้ามาทีละคน ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาออกันอยู่ตามหน้าประตูและตามระเบียงห้อง
ต่อไปนี้เป็นคำสอบถาม
1. ด.ช.อัลแบรต์ วัวแซง อายุ 11 ขวบ ท่าทางปราดเปรียว
และเป็นกันเอง
ถาม |
วันนี้หนูเห็นอะไรหรือเปล่า? |
ตอบ |
เห็นครับ ผมเห็น เธอก็เหมือนทุกครั้งนั้นแหละครับ แต่งตัวเหมือนกัน และอยู่ตรง |
|
พุ่มไม้นั้น |
ถาม |
เธอได้บอกอะไรหนูหรือเปล่า? |
ตอบ |
(ทำท่าล้อเลียนนิด ๆ) บอกครับ แต่ผมไม่บอกคุณถึงเรื่องที่เธอบอกผมแน่ ๆ |
ถาม |
ทำไมล่ะ? |
ตอบ |
ไม่ครับ ผมไม่บอก |
ถาม |
เธอห้ามมิให้บอกใครหรือ? เป็นความลับใช่ไหม? |
ตอบ |
ครับ |
ถาม |
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องบอก แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวหนูคนเดียวหรือเกี่ยวกับทุกคน? |
ตอบ |
(เด็กชายรู้ทัน) ถ้าผมบอกคุณ คุณก็รู้ |
|
มีใครคนหนึ่งถามว่า อย่างนั้นหนูบอกหน่อยได้ไหมว่า เป็นเรื่องเศร้าหรือเรื่องน่ายินดี? |
|
เศร้ามากกว่าครับ |
2. ด.ญ. ยิลแบรต์ เดอแกมเบรอ อายุ 9 ขวบ
ถาม |
หนูเห็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ? |
ตอบ |
เห็นค่ะ เธอมีหัวใจทองเช่นที่เคย ตอนที่เธอเสด็จมา เธอประสานมือกัน |
ถาม |
เธอพูดอะไรหรือเปล่า? |
ตอบ |
เธอพูดว่า ลาก่อน |
ถาม |
หนูได้ยินที่เธอพูดกับคนอื่นไหม? |
ตอบ |
หนูไม่รู้หรอกค่ะ ว่าเธอพูดกับคนอื่นหรือเปล่า |
ถาม |
หนูดีใจไหม? |
ตอบ |
ไม่ค่ะ เพราะเธอบอกลาหนู เธอพูด ลาก่อน หนเดียว |
ถาม |
หนูได้ยินชัดไหม? |
ตอบ |
ชัดซีคะ หนูได้ยินกับหูเลย |
ถาม |
เธอพูดภาษาฝรั่งเศส หรือภาษาฝรั่งเศสที่พูดกันในประเทศนี้? |
ตอบ |
พูดภาษาฝรั่งเศสเหมือนคุณค่ะ |
ถาม |
เธอไม่ได้บอกความลับอะไรหรือ? |
ตอบ |
ใช่ค่ะ หนูเห็น เธออยู่ที่เดียวกันที่เธอเคยมาทุกครั้ง เธอมีแสงมากกว่าทุกครั้ง
และยิ้มมากกว่าด้วย หนูเห็นดวงใจสีทองดวงหนึ่งตอนที่เธอกางมือออก เธอมีลูกประคำเหมือนทุกครั้ง |
ถาม |
เธอพูดกับหนูไหม? |
ตอบ |
เธอบอกว่า "ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ" เธอพูดตอนที่เรากำลังคุกเข่าลง
และพอเธอจะไป เธอก็บอกว่า |
|
"ลาก่อน" หนูก็เลยร้องไห้ (มีคนถาม) หนูได้ยินเธอพูดกับหนูนะคะ
เธอพูดแค่ 2 ประโยคนี้เท่านั้น |
4. อังเดร เดอแกมเบรอ อายุ 14-15 ปี (คนที่ผมเฝ้าสังเกตขณะมีการประจักษ์)
ถาม |
หนูเห็นใช่ไหม? |
ตอบ |
ค่ะ คราวนี้เธอมีแสงสว่างสุกใสมาก |
ถาม |
เธอพูดหรือเปล่า? |
ตอบ |
พูดค่ะ เธอบอกว่า ฉันเป็นมารดาพระเป็นเจ้าและราชินีสวรรค์-หรือ-ราชินีแห่งสวรรค์
และมารดาพระเจ้า |
ถาม |
เธอไม่ได้บอกอย่างอื่นอีกหรือ? |
ตอบ |
ค่ะ เธอบอกให้สวดภาวนาเสมอ ๆ |
ถาม |
ทำไมตอนท้ายการประจักษ์ หนูถึงร้องไห้ล่ะ? (ถึงตอนนี้ เด็กสาวยกมือปิดหน้าและสะอื้นไห้) |
ตอบ |
เพราะเธอบอกหนูว่า ลาก่อน แล้วเธอก็ค่อย ๆ หายไป |
ถาม |
ตอนที่เธอพูดนั้น ทำไมหนูไม่หยุดสวดออกเสียง ทำไมหนูไม่หยุดฟังเธอพูดล่ะ? |
ตอบ |
หนูไม่รู้หรอกค่ะ ว่าหนูหยุดสวดหรือเปล่า (มีคนถาม) หนูไม่รู้ค่ะว่าเธอพูดกับคนอื่นหรือเปล่า |
ถาม |
เธอได้ห้ามพูดเรื่องใดบ้างไหม? |
ตอบ |
ไม่นี่ค่ะ เธอไม่ได้ห้าม ก็หนูบอกคุณแล้ว (มีผู้ถาม) หนูยังไม่รู้เลยค่ะว่าวันต่อ
ๆ ไปนั้น |
|
หนูจะกลับมาสวดที่นี่อีกไหม? |
5. แฟรนังด์ วัวแซง อายุ 15 ปี เศร้าน้อยกว่าคนอื่น
ๆ ทั้งหมด
ถาม |
หนูเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า? |
ตอบ |
ตอนแรกหนูไม่เห็นอะไรพร้อมกับคนอื่นเขา แต่ตอนหลังพวกเขาย้ายเข้ามาในสวนของซิสเตอร์หนูยัง |
|
คงอยูที่เดิม แล้วหนูก็สวดต่อไปคนเดียว |
ถาม |
แล้วไงต่อไปล่ะ? |
ตอบ |
แล้วหนูก็เห็น ตรงที่ที่เธอเคยมาทุก ๆ ครั้ง เป็นเหมือนก้อนไฟ แล้วก็ระเบิดออกมา
และในแสงสว่างนั้น |
|
เธอก็ปรากฏมาเหมือนแบบที่เคย มีหัวใจทองด้วย |
ถาม |
เธอพูดอะไรกับหนูหรือเปล่า? |
ตอบ |
พูดค่ะ เธอถามหนูว่า รักฉันไหม? หนูก็ตอบว่า รักค่ะ เธอก็พูดต่อไปว่า รักพระบุตรของฉันไหม? |
|
หนูก็ตอบอีกว่า รักค่ะ เธอเสริมว่า ทำพลีกรรมนะ |
ถาม |
เธออยากจะบอกอะไรกับหนูล่ะ ถึงพูดอย่างนั้น? หนูเข้าใจสิ่งที่เธอขอหรือเปล่า?
(เด็กสาวยิ้ม ลังเล แล้ว |
|
ก็นิ่งไม่ตอบอะไร และไม่อธิบายอะไรอีก) ผู้ฟังคนหนึ่ง (นายแพทย์) ถามขึ้นว่า
ถ้าเขาจับหนูเข้าคุกล่ะ |
|
หนูจะพูดอย่างที่หนูพูดเมื่อครู่นี้ไหม? แล้วยังมีผู้อื่นถามเช่นเดียวกันนี้อีก
2-3 คน ผู้สังเกตการณ์ของพระเจ้าแผ่นดินเชิญให้ผมพูด ผมจึงว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่จำเลย
เราถาม แกตอบ ไม่ควรจะจัดการกับแกอย่างที่เราคิดไว้ |
ถาม |
หญิงนั้นไม่ได้พูดอะไรอีกหรือ? |
ตอบ |
พูดค่ะ ขณะที่เธอจะจากไปเธอบอกว่า ลาก่อน |
คำรับรองการประจักษ์ของพระสังฆราชแห่ง
นามูร์
ถึง บรรดาพระสงฆ์ในสังฆมณฑล (ปี 1949)
พี่น้องที่เคารพ
ประกาศคำสั่งที่ท่านกำลังจะอ่านอยู่นี้
นับเป็นวันประวัติแห่งการแสดงคารวกิจเกี่ยวกับพระมารดาแห่งโบแรง
ดังที่พวกท่านได้ทราบกันอยู่แล้ว เมื่อเราได้รับรองการแสดงคารวกิจนี้อย่างเป็นทางการ
คำประกาศของเรายังสงวนข้อกำหนดชัดเจนอยู่ เรายังถือว่า (ในปี 1943) ในขณะนั้นเรายังรับรองอย่างชัดเจนไม่ได้ว่า
"การประจักษ์นั้นเป็นเรื่องจริงเหนือธรรมชาติ" แต่ต่อนั้นมา เหตุน่าสงสัยก็ค่อย
ๆ ลดลงไปทุกที จนมาถึงวันนี้ เฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า เรากล้ากล่าวว่าขณะนี้เรามีเครื่องหมายที่ประกาศได้อย่างมั่นใจ
ทางคณะกรรมการด้านพระธรรมคำสอนของสังฆมณฑลได้อนุญาตให้ประกาศได้แล้วว่า มีการหายโรคอย่างอัศจรรย์
2 ราย ซึ่งได้รับเพราะการวิงวอนขอต่อพระแม่แห่งโบแรง พวกท่านคงระลึกได้ถึงเรื่องอื่น
ๆ ของพระมารดาแห่งโบแรง ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ว่า ยังมีผู้รับพระคุณทั้งทางฝ่ายกาย
และวิญญาณอีกมากด้วยกัน ตั้งแต่เริ่มต้นได้รับพระคุณจากพระแม่เจ้า โดยอาศัยคำภาวนาอย่างศรัทธาร้อนรนต่อพระแม่
ก็เรื่องการหายโรคอย่างอัศจรรย์ครั้งหลังสุดนี้แหละ ที่ทำให้เรามั่นใจว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติจริง
ให้เราถวายพระพรแด่พระเป็นเจ้าและพระแม่มารีอา
เราสามารถยืนยันได้อย่างรอบคอบว่า พระราชินีแห่งสวรรค์ได้ปรากฏมาให้เด็ก 5 คน
แห่งโบแรงเห็นจริงในระหว่างปี 1932-1933 และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นสำหรับเราคือการปรากฏครั้งนี้ของพระนาง
พระนางได้แสดงให้เราเห็นดวงพระทัยเยี่ยงมารดาที่วิตกกังวลต่อเรา ได้เรียกร้องเราให้สวดภาวนามาก
ๆ และยังแสดงตัวเป็นผู้เสนอทรงฤทธิ์เพื่อให้คนบาปกลับใจ
ให้เราพิศวงถึงวิธีการแห่งพระญาณสอดส่องที่ได้ดำเนินมาเป็นเวลาถึง
7 ปี จนถึงวาระสุดท้ายของการสืบสวนนี้ เราได้ลงชื่อในเอกสาร เพื่อแสดงความศรัทธาร้อนรนในหัวใจของเรา
ด้วยความเชื่อมั่นว่า บรรดาสงฆ์ในสังฆมณฑลของเรา จะร่วมสมนาคุณพระเป็นเจ้าพร้อมกับเรา
ในนามของสัตบุรุษทั้งหมดของเรา เราขอย้ำถึงความวางใจที่ทวีมากขึ้นของเราต่อพระมารดา
โปรดเป็นพระราชินีของเหล่าลูก ลูกเป็นของพระนาง
พี่น้องที่เคารพรักในพระคริสต์เยซูและพระแม่มาีย์
วันที่ 2 กรกฎาคม 1949
อังเดร-มารี ชารู
สังฆราชแห่ง นามูร์
การประจักษ์ของพระแม่มารีย์ (29 พฤศจิกายน 1932-3 มกราคม 1933)
พระนางได้ตรัสหลายอย่างที่สำคัญ เช่น
- ฉันคือพระนางพรหมจารีผู้นิรมล (21 ธันวาคม)
- ให้เขามาจาริกแสวงบุญที่นี่ (23 ธันวาคม)
- สวด สวดมาก ๆ (30 ธันวาคม)
- สวดเสมอ ๆ (1 มกราคม)
- ฉันคือมารดาพระเจ้า ราชินีแห่งสวรรค์ สวดเสมอ ๆ ลาก่อน (3 มกราคม)
- ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ (3 มกราคม)
- รักพระบุตรของฉันไหม? รักฉันไหม...? จงทำพลีกรรมถวายแด่ฉัน ลาก่อน
(3 มกราคม)
- นอกจากนี้พระนางพรหมจารียังแสดงดวงหทัยนิรมลของพระนางในการประจักษ์ครั้งหลัง
ๆ ด้วย คือตั้งแต่ วันที่ 29 ธันวาคม
คำภาวนาวอนขอพระแม่เจ้าแห่งโบแรง |
ข้าแต่พระมารดาแห่งโบแรงพรหมจารีนิรมล พระนางมีชัยชนะเสมอในการชิงชัยเพื่อพระเป็นเจ้า
ขอโปรดให้บรรดาคนบาปกลับใจตามที่พระนางได้ทรงสัญญาไว้เถิด
เดชะดวงหทัยนิรมลของพระนาง ขอโปรดวิงวอนพระเป็นเจ้า
โปรดพระหรรษทานให้ดวงวิญญาณที่กำลังจะพินาศไป ได้กลับมาสู่ความรักของพระองค์เสียใหม่
ข้าแต่พระมารดาหัวใจทอง โปรดทอดพระเนตรมายังความทุกข์ยากของพวกลูก
และโปรดประทานการปลอบประโลมในความเจ็บทรมาน พระนางคือสุขภาพของผู้พิการ และองค์บรรเทาของผู้ทุกข์ยาก
ข้าแต่พระราชินีแห่งสวรรค์ ความเชื่อ ความรัก และความไว้ใจของเรา
ประกาศยืนยันว่าพระแม่คือ ราชินีผู้ครองดวงใจของเรา และเจ้านายเหนือโลกทั้งมวล
พวกลูกจะทำงานเพื่อขยายพระราชัยของพระนาง โดยพยายามทำพลีกรรมและถอดแบบฤทธิ์กุศลของพระแม่
ลูกจะสวดภาวนาอย่างร้อนรนขึ้น และพยายามแพร่ธรรมไปยังผู้อื่นที่แวดล้อมลูก
ข้าแต่พระราชินีแห่งสากลโลก ขอให้พระราชัยของพระนางจงมาถึง
เพื่อก่อตั้งพระราชัยของพระเยซู พระบุตรของพระนางและพระเจ้าของเราด้วยเถิด อาแมน