ถอยนาวาชีวิต...หย่อนอวนลงที่ลึก
เคลเมนท์-เทเรส
พอพูดถึง "การเข้าเงียบ" สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผมคือ ความเงียบ เบื่อหน่ายและเฉย ๆ แต่เป็นธรรมเนียมที่ก่อนเข้าบ้านเณร สามเณรต้องมีการไตร่ตรอง และผมซึ่งผ่านปีอภิบาลมาต้องไตร่ตรองพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะต้องคิดพิจารณาตัดสินใจเลือกหนทางในการดำเนินชีวิต และครั้งนี้ก็เหมือนเดิมคือ ความรู้สึกเบื่อและเฉย ๆ (จะมีอะไรอีกน่ะ)
ก่อนการเข้าเงียบ ผมบอกกับตัวเองว่า "ถ้าเป็นพระเมตตาของพระเจ้า... ผมคงจะได้รู้ว่าพระองค์ต้องการอะไรกันแน่" (ซึ่งในตอนนี้ ผมคิดว่าจะไม่เปิดใจปรึกษาเรื่องส่วนตัวกับใครเลย ให้การเข้าเงียบผ่าน ๆ ไปตามขั้นตอนก็พอ) แล้วก็ผ่านไป... วันที่สองของการเข้าเงียบ คุณพ่อผู้เทศน์ได้ให้พระวาจาของพระเจ้าสำหรับพวกเรา เพื่อจะได้นำไปรำพึงส่วนตัว วันนั้น ผมได้รับพระวาจามากมายในการนำมาไตร่ตรอง อ่านไปอ่านมาก็มาหยุดตรงประโยคหนึ่งที่ว่า "ทรงขอให้เขาถอยเรือไป จากฝั่งหน่อยหนึ่ง และทรงนั่ง สั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น".... แล้วผมก็คิดตามว่า ในช่วงนี้พระเจ้าทรงมานั่งอยู่กับผมแล้ว และทรงขอร้องให้ผมได้ออกจากฝั่งหน่อยหนึ่ง ฝั่งแห่งความเป็นจริง ความกังวลใจ งานต่าง ๆ ทรงขอร้องให้ออกห่างจากมันสักหน่อยหนึ่ง (ไม่ได้ตัดขาดจากมัน) และทรงนั่งอยู่กับผมบนเรือแห่งช่วงเวลานี้ "แล้วทรงสั่งซีโมนว่า จงถอยออกไปที่น้ำลึก หย่อนอวนลงจับปลา... เราลงอวนมาทั้งคืนแล้วไม่ได้อะไรเลย แต่จะ หย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระองค์'
ผมคิดว่าช่วงเวลาเข้าเงียบนี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมเองต้องถอยนาวาชีวิตของผมไปในที่ที่ลึกที่สุดในโลก นั้นคือ หัวใจ ของผมเอง หย่อนลงไปดูว่าเราคิดอย่างไรกับกระแสเรียกนี้ ถึงแม้ว่าภายในใจจะบอกเสมอว่า "เราหย่อนลงดูในใจเรามาทั้งชีวิตแล้วน่ะ ยังไม่พบสิ่งที่ใจคิดเลย" แต่ถ้าเป็นพระเจ้าทรงบอกผมล่ะ ผมจะทำตามหรือไม่? แล้วพระเจ้าเองทรงอยู่กับผมตอนนี้เป็นพิเศษ ทรงนั่งอยู่ในนาวาชีวิตของผม แล้วช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานก็มาถึง พระจิตเจ้าทรงทำงานกับผมจริง ๆ ให้ผมได้เปิดใจพูดคุยกับผู้นำฝ่ายจิต ได้เข้าถึงจิตใจที่แท้จริงของปัญหา พร้อมทั้งได้หาทางแก้ไข เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมไปพร้อม ๆ กัน แล้วพระเยซูเจ้าทรงบอกกับซีโมนอีกว่า "อย่ากลัวเลย.." อย่ากลัวเลย ผมคิดคำนี้ซ้ำไปซ้ำมาในใจของผม อย่ากลัวเลย.. พระเจ้าตรัสแล้ว... อย่ากลัวเลยที่จะตามเรา อย่ากลัวเลยที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อเรา อย่ากลัวเลยที่จะอยู่คนเดียว เพราะ"เราจะอยู่เคียงข้างเจ้าจนสิ้นพิภพ"
จากความคิดที่ว่าไม่น่ามีอะไรเลยในการเข้าเงียบนี้ แต่สำหรับผมพระเจ้าทรงทำงานหนัก ทรงแกะใจของผมเปิดดู ทรงให้ผมได้ลงลึกถึงใจ ให้ผมได้เข้าไปดูพร้อมกับพระองค์ ทรงซ่อมแซมปรับปรุง บอกหนทางการแก้ไข โดยผ่านทางผู้นำฝ่ายจิต และสุดท้ายตรัสว่า "อย่ากลัวเลย" ที่จะเริ่ม และกางเขนที่ผมจะต้องแบกนี้ ก็มิใช่กางเขนของผม แต่เป็นกางเขนของพระเยซูเจ้าเอง หากแต่ว่าผมนั้นจะต้องช่วยพระองค์แบกเหมือนซีโมน ชาวไซรีน ที่ช่วยพระองค์แบกกางเขนไปจนถึงเนินกัลวาริโอ อย่ากลัวเลย... ที่จะช่วยพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงเดินเคียงข้างเรา
นี่แหละครับ การเข้าเงียบของผมในครั้งนี้ แล้วคุณล่ะ ลองเปิดใจให้พระเจ้าได้เข้าไปหรือยัง แต่คุณต้องเข้าไปพร้อมกับพระองค์นะ หย่อนอวนแห่งความคิดลงในชีวิตของคุณ ลงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของเรา นั้นคือหัวใจ นั่งดูพิจารณาพร้อมกับพระองค์อย่างจริงใจ และพระเจ้าจะตรัสกับเราว่า "อย่ากลัวเลย" (ลองดูนะครับได้ผลจริง ๆ )
ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงดีกับผมเสมอมา