ชีวิตไม่มีด่างพร้อย ประภาคารหลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว พระนางมารีอา ก็ยังทรงพระชนม์ชีพต่อมา โดยมีนักบุญยอห์นศิษย์ที่รักของพระเยซูเจ้ารับแม่พระมาพำนักด้วยที่เมืองเอเฟซัส (ปัจจุบันอยู่ทางตอนใต้ของประเทศตุรกี) เท่าที่เราทราบคริสตังรัก และถวายเกียรติแด่แม่พระมาตั้งแต่ยุคต้นๆ ของพระศาสนจักรเลย นี่ย่อมแสดงว่าแม้พระเยซูเจ้าจะทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จไปสวรรค์แล้ว พระชนม์ชีพของแม่พระไม่มีด่างพร้อยเลย
การดำเนินชีวิตในสังคมนั้นยาก "จะไม่มีใครพูดดีถึงเรา มากเท่าคนที่พูดไม่ดี" แต่สำหรับพระนางมารีอา เราไม่เคยได้ยินหรือรับรู้จากประวัติศาสตร์เลยว่า พระนางมีข้อบกพร่อง พระนางดำรงชีวิตความดีอย่างสม่ำเสมอจนจากโลกนี้ นี่เป็นมนุษย์ที่พระเลือกสรรไว้โดยแท้
เพราะความดีงามสม่ำเสมอในฐานะแม่ของพระเยซูเจ้า คริสตังจึงพร้อมใจกันเรียกพระนางตั้งแต่ยุคแรกของพระศาสนจักรเลยว่า "พระชนนีของพระเป็นเจ้า" หรือ "แม่พระ" คำว่า "แม่พระ" ทุกวันนี้คริสตังอาจไม่รู้สึกสะดุดใจอะไรแต่พระศาสนจักรยุคแรกๆ คำนี้มีความหมายมาก พระนางมารีอาเป็นมนุษย์ และมนุษย์คนใดเล่าที่จะเป็นแม่ของพระ แต่พระศาสนจักรก็นำเอาคำนี้มาพิจารณาเมื่อทำพระสังคายนาที่เมืองเอเฟซัส ในปี ค.ศ.431 แล้วประกาศว่าต่อไปนี้ คริสตังจะเรียกพระนางมารีอาว่า "แม่พระ" / "มารดาพระเจ้า"/ "พระชนนีของพระเป็นเจ้า" (MATER DEI) แล้วพวกเราก็สมโภชวันนี้ในวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม วันแรกของปี เหนือกว่านักบุญเทวดาทุกองค์ เพราะพระนางคือ "มารดาพระเจ้า"
ความรักและศรัทธาภักดีต่อแม่พระ ค่อยๆ เกิดขึ้นจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง และไปยังอีกเมืองหนึ่ง เป็นความรักภักดีที่ออกมาจากศรัทธาของประชาชน ความศรัทธานี้จึงเป็นของแท้ที่ผ่านการพิสูจน์โดยมหาชน กาลเวลาและการวิพากษ์วิจารณ์จับผิดข้อบกพร่องด่างพร้อย พวกเขาฉลองแม่พระว่าไม่ตาย แค่หลับไปและต่อเนื่องชีวิตในโลกนี้ไปโลกหน้าเลย วันฉลองนี่ค่อยๆ ขยายวงเล็กๆ ในพระศาสนจักรฝั่งตะวันออก (กรีกออร์โธดอกซ์) ก่อนและแพร่หลายอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งประมาณ ปี ค.ศ. 700 การฉลองนี้ก็ทำกันทั่วทั้งพระศาสนจักร และพระศาสนจักรฝั่งตะวันตก (กรุงโรม) ก็รับมาราวศตวรรษที่ 8 และเปลี่ยนชื่อเป็น "สมโภชแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ"
เราอาจเขียนได้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติมานับเป็น ค.ศ.1 พอ...
- ค.ศ.431 พระสังคายนาเมืองเอเฟซัส ประกาศมอบพระนามแด่พระนางมารีอา ว่า "พระชนนีของพระเป็นเจ้า" (สมโภช 1 มกราคม)
- ช่วงปี 700 ก็ทำการฉลองแม่พระบรรทมทั่วพระศาสนจักร และทางกรุงโรมเปลี่ยนชื่อว่า "สมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกาย และวิญญาณ" (สมโภช 15 สิงหาคม) อีกพันกว่าปี ในปี ค.ศ.1950 วันที่ 1 พฤศจิกายน สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 ก็ประกาศว่า "แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ"
เป็นข้อความเชื่อในพระสมณสาสน์ "MUNIFICENTISSIMUS DEUS"
- ช่วงปี 800 กว่า คริสตังก็พิจารณาถึงชีวิตของแม่พระมากขึ้นจนเกิดวันฉลองขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8 นี้ 3 วัน คือ
- "ฉลองแม่พระรับสารจากเทวดาคาเบรียล" (25 มีนาคม)
- "ฉลองแม่พระถวายพระเยซูในพระวิหาร" (หรือชื่อเดิมว่า "แม่พระถือศีลชำระ" ชาวบ้านเรียกว่าวันเสกเทียน (2 กุมภาพันธ์)
- "ฉลองแม่พระบังเกิด" (8 กันยายน)
- ประมาณ ค.ศ.950 คริสตังก็เพิ่มวันสมโภชสำคัญถวายแด่แม่พระอีกวันหนึ่งคือ "สมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล" (8 ธันวาคม)
- ค.ศ.1854 เดือนธันวาคม วันที่ 8 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 ก็ประกาศว่า "พระนางมารีย์ปฏิสนธินิรมล" เป็นข้อความเชื่อ แต่ทั้งนี้คริสตังก็เชื่อเช่นนี้กันมานานแล้ว เราจึงสมโภชกันในวันที่ 8 ธันวาคม ของทุกปี
เราจะเห็นได้ว่าความศรัทธาต่อแม่พระมิใช่เรื่องการโปรโมท แต่เป็นเรื่องของความยินยอมพร้อมใจศรัทธาภักดีต่อพระนางของคริสตังโดยพร้อมเพรียง พร้อมใจ ทั้งนี้เพราะพระชนม์ชีพของพระนางไม่มีรอยด่างพร้อยใดในสังคมเลย
ปัจจุบันเราอยู่ในยุคพระสังคายนาวาติกันที่ 2 และพระสังคายนาสอนเราให้พิจารณาพระนามและบทบาทของแม่พระอีกประการหนึ่ง คือพระนางทรงเป็น "มารดาของพระศาสนจักร" เป็นแม่ผู้ให้แบบอย่างแก่เราคริสตชนที่จะต้องเลียนแบบชีวิตของพระนาง ในการทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าอย่างซื่อสัตย์ไม่ด่างพร้อยให้ได้จนตลอดชีวิต แต่ใครเล่าจะทำได้? ถ้าเขาไม่สวดขอต่อพระเป็นเจ้าทุกวันตลอดชีวิตของเขา