ความศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์
คุณพ่อประเสริฐ โลหะวิริยศิริเพื่อที่จะพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตอย่างดี เราจำเป็นต้องเข้าใจความหมายของศัพท์ 2 คำ คือ คำว่าศรัทธา และศักดิ์สิทธิ์ เพราะเรามักจะสับสนกับศัพท์ 2 คำนี้ ความศรัทธา ไม่ใช่ความศักดิ์สิทธิ์ แต่ความศรัทธาสามารถนำไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์
ความศรัทธา คือความเชื่อ หรือความเลื่อมใสในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542) เช่นเราศรัทธาในพระเจ้า เราจะหมั่นอธิษฐานภาวนา เราจะหมั่นไปวัดร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเพื่อสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง
ส่วนคำว่า ศักดิ์สิทธิ์ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ดังนี้ "อำนาจที่อาจบันดาลให้สำเร็จตามประสงค์" สำหรับคริสตชนผู้บันดาลความสำเร็จคือพระเจ้านั้นเอง เมื่อเป็นดังนี้ก็อยากจะให้พิจารณาถึงครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ทำไมถึงเรียกครอบครัวนี้ว่าครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
ให้เราพิจารณาถึงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่สมาชิกทั้งสามในครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ (อันได้แก่ พระเยซู พระมารดา และนักบุญโยเซฟ) ยึดถือและปฏิบัติตาม ก็คือพระประสงค์ของพระเจ้านั้นเอง สมาชิกทั้งสามสามารถทำตามพระประสงค์ได้ เพราะทุกคนไม่ยึดมั่นถือมั่นในน้ำใจของตนเองเป็นหลักในการดำเนินชีวิต และปล่อยให้พระเจ้าบันดาลให้พระประสงค์สำเร็จไป ตามที่พระเยซูตรัสว่า "อาหารของเราคือการทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบภารกิจของพระองค์ให้สำเร็จไป" (ยน 3:34) พระนางมารีย์กล่าวแก่เทวทูตว่า "ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปแก่ข้าพเจ้าตามวาทะของท่านเถิด" (ลก 1:38) และนักบุญโยเซฟยอมรับพระนางมารีย์เป็นภรรยาของตนทั้งๆ ที่รู้ว่าพระนางมารีย์ทรงตั้งครรภ์ โดยมิได้มีเพศสัมพันธ์กับตนเอง แต่ทำตามคำบอกเล่าของเทวทูตในฝันที่ว่า "โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนาง นั้นเกิดมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า เยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป" (มธ 1:20-21)
เราจะเห็นได้ว่าสมาชิกทั้งสามในครอบครัวศักดิ์สิทธิ์นี้ ได้ให้พระบิดาบันดาลให้ท่านทั้งสามเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่ยึดน้ำใจของตนเองเลย แม้ว่าจะต้องประสบความยากลำบากในชีวิตก็ตาม
เพราะฉะนั้น ถ้าคริสตชนคนใดต้องการที่จะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เขาจะต้องตายจากน้ำใจของตัวเอง และให้พระเจ้าบันดาลให้เขาเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ตามเงื่อนไขของการเป็นศิษย์ของพระเยซูคริสต์ที่ว่า "ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็ให้เขาเลิกคิดถึงตัวเอง ให้แบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา" (มก.8:34)
เดอีทรีค บานฮอฟเฟอร์ ศาสนาจารย์ชาวเยอรมันในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ให้สมญานามแก่พระเยซูคริสต์ว่า "บุรุษเพื่อผู้อื่น" (A man for the others) การดำเนินชีวิตของพระเยซูคริสต์ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ พระองค์ทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อความรอดพ้นจากบาปของมวลมนุษย์และโลก มิใช่พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่สละชีวิตเพื่อคนอื่นและโลก พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟก็ทำเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นศิษย์ของพระเยซูคริสต์ก็ต้องทำด้วย
ความศรัทธา สามารถนำเราไปสู่ ความศักดิ์สิทธิ์ ได้ เพราะความศรัทธาทำให้เราอุทิศชีวิตของเราสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้าด้วยการสวดมนต์ภาวนา ไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ รำพึงและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์ และความใกล้ชิดเช่นนี้จะทำให้เรารู้และเข้าใจถึงพระประสงค์ของพระเจ้าในที่สุด †