"คนโง่รำพึงอยู่ในใจของตนว่าไม่มีพระเจ้า เขาทั้งหลายก็เลวทรามลง กระทำกิจการที่น่าเกลียดชัง ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี" (สดุดี 14:1) จากข้อนี้ หมายความว่า ไม่มีสักคนเดียวที่ไม่เป็นคนบาป มนุษย์ใช้ความคิด สติปัญญา และความเข้าใจของตน เป็นเครื่องมือปฏิเสธพระเจ้า แทนที่พวกเขาจะขอบคุณพระเจ้า
นักเรียนคนหนึ่งมีปัญหาหลายเรื่องรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นความยากจน บ้านแตก ละแวกบ้านก็อันตราย เขาโดดเรียนบ่อยๆ และไม่ยอมฟังใคร แต่เมื่อเพื่อนคนหนึ่งถูกยิงตาย เขาถือว่านั่นคือสัญญาณปลุกให้ตื่น เขาตั้งใจจะเปลี่ยนชีวิตของเขาด้วยการเรียนอย่างหนัก เพื่อให้คะแนนสอบที่เคยตกกลับกลายมาอยู่ในอันดับต้นๆ แต่ครูแนะแนวก็ไม่เชื่อมั่นในตัวเขา และบอกเขาว่า คงไม่มีมหาวิทยาลัยไหนอยากรับเขา สุดท้ายเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าครูคิดผิด เขาเรียนจนจบมหาวิทยาลัย และทำงานด้านการศึกษา เขากล่าวว่า เขาเลือกอาชีพนี้เพราะว่า "พวกอาจารย์คิดว่าผมเป็นพวกไม่มีตัวตน" เป็นคนที่ไม่มีค่า เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึนกับคนอื่นอีก
พระเยซูทรงมองว่าทุกคนมีค่า ศักเคียส เป็นคนเก็บภาษีที่ไม่สัตย์ซื่อ (ลก.19:1-10) พระเยซูจะทรงมองข้ามเขาไปก็ได้ แต่พระเยซูกทอดพระเนตรเห็นเขาบนต้นไม้ และตรัสเรียกชื่อเขา
เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องมองผู้อื่นว่า เป็นคนที่มีคุณค่า เบนเนน-แมนนิง เขียนไว้ว่า "หากเราไม่เพียงแค่เห็น แต่ให้ความสนใจผู้อื่นด้วยแล้ว เราก็กำลังสื่อสารกับบุคคลนั้นว่า มีคนเห็นคุณค่าของเขา ท่ามกลางโลกของความเหินห่างที่มีแต่วัตถุใบนี้"
คนที่เราพบปะคบหาด้วย รู้หรือไม่ว่า เราเห็นว่าเขามีคุณค่าทั้งต่อเรา และต่อพระเจ้า
(แม่พระยุคใหม่)