เวบไซด์แห่งความรักเพื่อแบ่งปัน

โฆษณาตรงกลุ่มเป้าหมาย,thai-advertise.com,thaiads,ไทยแอดส์เวอร์ไทส์, โฆษณาฟรี, รายได้เสริม,งานพิเศษ,โฆษณาผ่านเว็บไซต์

เทศกาลมหาพรต

"คนโง่รำพึงอยู่ในใจของตนว่าไม่มีพระเจ้า เขาทั้งหลายก็เลวทรามลง กระทำกิจการที่น่าเกลียดชัง ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี" (สดุดี 14:1) จากข้อนี้ หมายความว่า ไม่มีสักคนเดียวที่ไม่เป็นคนบาป มนุษย์ใช้ความคิด สติปัญญา และความเข้าใจของตน เป็นเครื่องมือปฏิเสธพระเจ้า แทนที่พวกเขาจะขอบคุณพระเจ้า


ในปฐมกาลบทที่ 1:1 "ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน"

     คริสตชนเชื่อว่าพระเจ้าทรงสร้างโลกนี้ เมื่อเราสังเกตดูโลกที่เราอยู่นี้ เราต้องเข้าใจว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นต้องมีเหตุผล ทุกสิ่งในโลกนี้ต้องสืบเนื่องมาจากสิ่งอื่นที่มีอยู่ก่อนแล้ว ถ้าเราย้อนหาเหตุผลเรื่อย ๆ เราจะต้องพบสิ่งหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของสรรพสิ่งทั้งปวง สิ่งนั้นไม่มีการเริ่มต้น แต่ดำรงอยู่อย่างถาวร เป็นต้นเหตุของทุกสิ่งโดยไม่พึ่งพาสิ่งใดเลย แต่อยู่ตั้งแต่นิรันดร์กาล สิ่งนี้ เราเรียกว่า "พระเจ้า" (GOD)


     ในปฐมกาลบทที่ 1:26 ได้บันทึกว่า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาตามพระฉายาของพระองค์ มนุษย์ได้รับแบบฉายาหรือรูปเงาของพระเจ้า มนุษย์มีบุคคลิกภาพ มีการใช้สติปัญญา มีจิตสำนึก ในการแยกแยะสิ่งที่ถูกกับผิดได้ มนุษย์สามารถมีความรักความเมตตา สำคัญที่สุด มนุษย์สามารถนมัสการพระเจ้าได้ ดังนั้น มนุษย์จึงมีความแตกต่างจากสัตว์ พระเจ้าทรงให้มนุษย์ครอบครองเหนือทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง แต่ต่อมามนุษย์เริ่มทำบาป คือไม่เชื่อฟังพระเจ้า นี่คือจุดเริ่มต้นที่ความบาปได้เข้ามาสู่โลก

     มนุษย์เริ่มไกลออกจากพระเจ้าทุกที ความบาปก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นการปิดกั้นจิตใจของมนุษย์ มิให้รู้จักกับพระเจ้าได้ จากนั้นมนุษย์ก็จะเกิดความกลัวในหลายๆ สิ่ง มนุษย์จึงต้องแสวงหาที่พึ่งทางใจ แม้แต่ดวงดาว ดวงอาทิตย์ แม่น้ำ ต้นไม้ มนุษย์ก็พากันกราบไหว้นมัสการ มนุษย์เริ่มหันมาพึ่งตนเอง ซึ่งเป็นอุปสรรค์ทำให้ไม่สามารถพบพระเจ้าได้ แต่สิ่งนี้ไม่สามารถช่วยอะไรได้ มนุษย์ลืมพระเจ้าพระผู้สร้าง เริ่มปฏิเสธพระเจ้าผู้ทรงสร้าง เราอย่าลืมว่าพระเจ้าคือผู้ที่ได้สร้างสรรพสิ่งในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเป็นขึ้นมาได้นอกเหนือจากพระองค์พระเจ้าทรงสร้าง ทุกสิ่งพระองค์จึงครอบครอง และเป็นเจ้าของทุกสิ่งในโลกนี้ และยิ่งกว่านั้น พระเจ้าได้ทรงดูแลรักษาสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างด้วย พระเจ้าทรงเป็นวิญญาณที่มองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า แต่มนุษย์สามารถสัมผัสกับพระเจ้าได้ด้วยใจ พระองค์ไม่มีรูปกายเหมือนมนุษย์ และไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่พระองค์ทรงเป็นอยู่นิรันดร์ และยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง

      ฉะนั้น "ผู้ที่จะเข้ามาหาพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่า พระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่" (ฮบ.11:6) ถ้าเราปฏิเสธการทรงพระชนม์อยู่ของพระเจ้า ซึ่งเป็นความเชื่อขั้นพื้นฐาน เราจะกลายเป็นคนที่มีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหมาย


(แม่พระยุคใหม่)


     

@2007 www.kularptip.com
Email:kularptip85@hotmail.com

Free Web Hosting